แต่แล้วบาดแผลชิ้นใหญ่ก็เกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันต่อมา เมื่อแพ้คาบ้านต่อ อตาลันต้า 0-3 ในถิ่น แอนฟิลด์ ทั้ง ๆ ที่เคยเป็นจุดแข็งอย่างมากในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งรูปแบบการเล่นของทีมจาอิตาลี กลายเป็นพิมพ์เขียวให้กับ คริสตัล พาเลซ บุกมาเฉือน ‘หงส์แดง’ 0-1 ส่งผลให้ถึงตอนนี้ต้องเริ่มแช่งคู่แข่งลุ้นแชมป์ด้วยกันแล้ว

หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล ก็ตกรอบ ยูโรป้า ลีก ตามคาด เมื่อเลกสองชนะได้แค่ประตูเดียว เรียกได้ว่าจิตใจห่อเหี่ยวกันสุด ๆ 

ทุกอย่างดูเหมือนจะกลับมาเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง เมื่อพวกเราคว้า 3 คะแนน ได้อีกครั้งในเกมกับ ฟูแล่ม แต่แล้วทุกอย่างมันก็สิ้นสุดลงเมื่อถูกเพื่อนบ้านที่อยู่ใต้เท้ามานานหลายทศวรรษ เอาชนะไปได้ทั้งสกอร์ และรูปเกม 2-0 แบบชนิดที่ว่า OPTA ให้โอกาสคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ของเราเหลือแค่ 1 เปอร์เซ็นต์

จนล่าสุดในเกมกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ดูแบบไม่คาดหวัง ยังผิดหวังได้อีก เมื่อจบลงด้วยการแบ่งแต้ม แต่นั่นไม่ใช่เป็นเพราะว่าเราจะหมดสิทธิ์ลุ้นคว้าโทรฟี่นี้อำลา เจอร์เก้น คล็อปป์ เท่านั้น แต่บรรยากาศข้างสนามที่ โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ มีต่อบอส เป็นภาพที่แฟนบอลอย่างเราไม่อยากจะเห็น

เรื่องประเด็นดราม่าเข้ามามากมายแบบประดังประเด จนหัวใจมันซวนเซ และได้แต่คิดว่าทำไมมันต้องจบลงแบบนี้

สถานการณ์ในปัจจุบัน เรื่องแชมป์ลืมไปได้เลย ส่วนท็อปโฟร์ก็การันตีไปเกินครึ่งตัว ดังนั้น 3 นัดที่เหลืออยู่ในฤดูกาลนี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเล่นเพื่ออำลา เจอร์เก้น คล็อปป์ ตำนานผู้จัดการทีมของพวกเรา ซึ่งหวังว่าจะกลับมาผสานมือกับ ซาล่าห์ ได้อีกครั้ง ให้อย่างน้อยที่สุด งานเลี้ยงส่งครั้งนี้มันยังสวยงาม ก่อนจะเริ่มต้นยุคใหม่อีกครั้ง

เขียนโดย The Lite Team.
LS Sport ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชม.